วันอังคารที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

วันพุธที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2557

ตำบลกลางหมื่น อำเภอเมือง จังหวัดกาฬสิน เปิดเวทีเสวนาปรองดองสมานฉันท์

           นางสุนิตย์  รุทเทวิน นายกเทศมนตรีตำบลกลางหมื่น  อำเภอเมือง  จังหวัดกาฬสิน  เป็นประธานเปิดเวทีเสวนาปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูป 



              คืนความสุขให้ประชาชน ร่วมคิด ร่วมทาง ร่วมอนาคตประเทศไทย ตามนโยบายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ต้องการให้ทุกภาคส่วนร่วมมือร่วมใจกันเสริมสร้างความรักความสามัคคีระหว่างผู้ที่มีความคิดทางการเมืองมีความแตกต่างกันเพื่อร่วมกันเสนอแนวคิด มุมมอง การสร้างสรรค์แนวทางการพัฒนาประเทศให้เกิดความสงบสุข สร้างความรู้ความเข้าใจถึงแนวทางและนโยบายของกระทรวงมหาดไทยในเรื่องปรองดองสมานฉันท์
         โดยประชาชนจากตำบลกลางหมื่น อำเภอเมือง  จังหวัดกาฬสินธุ์  ร่วมกันแสดงความคิดเห็น ถึงความขัดแย้งของประชาชน ว่าเมื่อปัญหาเกิดขึ้นก็ควรจะนำปัญหามาแก้ไขและหันหน้ามาพูดคุยกัน โดยใช้เสียงข้างมากในการตัดสิน เพราะประเทศไทยปกครองโดยระบอบประชาธิปไตย อีกทั้งผู้นำของแต่ละหมู่บ้านควรสร้างความเข้มแข็งให้กับชาวบ้านของตน ความสามัคคีต้องเริ่มต้นที่หมู่บ้านต่อยอดไปยังชุมชน ตำบล อำเภอ และจังหวัด











วันพุธที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2557

6 วิธีประหยัดพลังงานในบ้านอย่างฉลาด กลางหมื่นร่วมประหยัดพลังงานช่วยชาติ

6 วิธีประหยัดพลังงานในบ้านอย่างฉลาด เซฟเงินในกระเป๋า




          วิธีประหยัดพลังงานในบ้าน ด้วยเคล็ดลับอย่างชาญฉลาดจะได้เซฟเงินในกระเป๋าให้เหลือใช้มากขึ้น วิธีประหยัดพลังงานในบ้านจะมีอะไรบ้าง ลองไปดูข้อมูลกันค่ะ
         
          วิธีประหยัดพลังงานในบ้านกลายเป็นเรื่องที่ทุกบ้านหันมาให้ความสนใจกันมากขึ้น เพราะต้องยอมรับว่าทุกวันนี้แค่แบกรับภาระค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้นทุกวี่วันก็เกือบหมุนเงินไม่ทันอยู่แล้ว ดังนั้นไม่ว่าหนทางไหนที่จะช่วยเซฟเงินในกระเป๋าได้ เราก็พร้อมจะปฏิบัติตามอย่างไม่มีข้อโต้แย้งใด ๆ วันนี้เราเลยหยิบยก 6 วิธีประหยัดพลังงานในบ้านอย่างชาญฉลาดมาเสนอให้ทุกคนได้นำไปปฏิบัติตาม ต่อไปนี้จะได้เหลือเงินในกระเป๋าเพิ่มขึ้น และที่สำคัญเรายังมีโอกาสช่วยลดโลกร้อนได้อีกทางหนึ่งด้วยนะคะ

 1. ใช้น้ำให้ครบวงจร

          ทราบไหมคะว่า เพียงแค่เราอาบน้ำประมาณ 15-20 นาที ใช้เวลาชุ่มฉ่ำอยู่ใต้ฝักบัวอย่างเต็มที่ก็สูญเสียน้ำไปเป็น 10 ลิตรแล้ว นี้ยังไม่รวมน้ำที่กดราดชักโครก รดน้ำต้นไม้ ซักผ้า หรือทำกิจกรรมอื่น ๆ ภายในบ้านเลยนะ อย่างนี้ก็ไม่ต้องเดาแล้วล่ะค่ะ ว่าแต่ละวันเราใช้น้ำไปมากแค่ไหน

          และในเมื่อรู้อย่างนี้แล้ว เราก็ควรลดปริมาณการใช้น้ำให้น้อยลงเท่าที่จะเป็นไปได้ วิธีง่าย ๆ เลยก็คือ ให้คุณใช้น้ำอย่างครอบคลุมที่สุด อย่างเช่น อาจจะรองน้ำซักผ้าน้ำสุดท้าย ไปใช้รดน้ำต้นไม้ หรือใช้ล้างรถต่อ รวมทั้งไม่เปิดน้ำทิ้งไว้หากยังไม่ใช้งาน และที่สำคัญต้องคอยตรวจสอบก๊อกน้ำทุกที่ด้วยว่าปิดสนิทแล้วหรือเปล่า เพียงแค่ทำตามนี้ก็จะช่วยลดปริมาณการใช้น้ำของคุณลงไปได้อีกมากเลยทีเดียว

 2. หลอดประหยัดไฟดีกว่า

          เมื่อเทียบคุณภาพและการประหยัดไฟแล้ว หลอดไฟฟลูออเรสเซ้นส์ กับหลอดประหยัดไฟ LED มีความทนทาน และประหยัดไฟกว่าหลอดตะเกียบมากถึง 75% แถมยังมีอายุการใช้งานที่ยาวนานเกิน 20 ปีเลยทีเดียว พอมาถึงตรงนี้แล้วหลายคนก็เริ่มคิดออกแล้วใช่ไหมคะ ว่าควรเลือกใช้หลอดไฟแบบไหนกับบ้านดี และหากอยากจะประหยัดไฟอย่างเต็มประสิทธิภาพที่สุด ควรเลือกติดหลอดไฟชนิดที่สามารถหรี่แสงสว่างได้ด้วย แต่สิ่งสำคัญก็อย่าเปิดไฟทิ้งไว้โดยไม่ใช้งานด้วยนะจ๊ะ

 3. หมั่นตรวจสอบสภาพการใช้งานของเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกชิ้น

          แน่นอนอยู่แล้วว่า เครื่องใช้ไฟฟ้าทุกชนิดในบ้านจำเป็นต้องพึ่งพาพลังงานไฟฟ้าด้วยกันทั้งนั้น และแทบจะเรียกได้ว่า เป็นปัจจัยเสริมหลัก ๆ ที่ทำให้ตัวเลขบนบิลค่าไฟของคุณพุ่งพรวด แต่ค่าไฟจะวิ่งสูงขึ้นไม่หยุดหย่อนอย่างต่อเนื่อง หากเครื่องใช้ไฟฟ้าของคุณอยู่ในสภาพที่ไม่พร้อมใช้งาน เช่น ขัดข้อง หรือทำงานหนักเกินไป และนี่ก็เป็นเหตุผลที่เราต้องหมั่นตรวจเช็กสภาพการใช้งานของเหล่าเครื่องใช้ไฟฟ้าอยู่เสมอ เพื่อลดต้นทุนค่าไฟให้น้อยลง อีกทั้งพยายามลดการใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าลงบ้าง เป็นต้นว่า คุณอาจจะเช็ดผมให้หมาดที่สุด แล้วเป่าพัดลมก่อน จากนั้นคอยใช้ไดร์เป่าผมจัดทรงให้เรียบร้อยอีกครั้ง แค่นี้ก็ลดเวลาใช้งานไดร์เป่าผมลงไปได้กว่าครึ่งแล้ว พร้อมกันนี้ก็พยายามหลีกเลี่ยงการใช้ไฟฟ้าโดยไม่จำเป็นด้วย หรืออย่างน้อย ๆ ก็อย่าเสียบปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าทิ้งไว้ก็พอ ถ้าทำได้ทั้งหมดที่ว่ามา การันตีตัวเลขบนบิลค่าไฟที่ลดน้อยลงได้เลยจ้า

 4. รักษาระดับอุณภูมิแอร์

          แม้จะร้อนตับแทบไหม้ แต่อุณหภูมิแอร์ในบ้านก็ไม่ควรลดต่ำกว่า 25 องศาเซลเซียสนะคะ เพราะถ้าอุณภูมิต่ำกว่านี้ คุณอาจจะรู้สึกเย็นฉ่ำปอดก็จริง แต่คงไม่สบายใจนัก กับค่าไฟที่เพิ่มขึ้นกว่า 21% อย่างแน่นอน รู้อย่างนี้แล้วก็ทำใจร่ม ๆ กับความเย็นในระดับ 25 องศาเซลเซียส ดีกว่าเนอะ

 5. ลดร้อนด้วยสารพัดวิธี

          อากาศร้อนขึ้นทุกวัน โดยเฉพาะในหน้าร้อนแบบนี้ ทำให้เราไม่สามารถเลี่ยงการเปิดแอร์ได้เลย แต่จะเปิดแอร์ตลอดเวลาที่อยู่ในบ้านก็คงจะสิ้นเปลืองพลังงานน่าดู หลายคนเลยเลือกประหยัดพลังงานด้วยวิธีต่าง ๆ บ้างก็เปิดแอร์สลับกับพัดลม หรือบางคนก็เลือกเปิดหน้าต่างบ้านรับลมธรรมชาติจากข้างนอก ซึ่งนอกจากวิธีลดความร้อนในบ้านเหล่านี้แล้ว คุณยังสามารถลงทุนติดตั้งไฟเบอร์กลาสบริเวณฝ้าหลังคา และผนังบ้านได้อีกทาง เป็นการลดความร้อนภายในบ้านที่ดีอีกวิธีหนึ่ง หรือคุณอาจจะพึ่งพัดลมไอเย็น ตัวช่วยคลายร้อนที่มีกระบวนการทำงานโดยดูดเอาความร้อนภายในห้อง ผ่านเข้ามาที่แผ่นความเย็นในตัวเครื่อง แล้วจัดการเปลี่ยนอากาศร้อนนั้นให้เป็นอากาศเย็นชื่นใจก็ได้

 6. ติดตั้งแผงโซล่าเซลล์

          การติดตั้งแผงโซล่าเซลล์ไว้ในบ้าน อาจจะดูห่างไกลจากความคิดของหลาย ๆ คน เนื่องจากราคาค่าติดตั้งที่ไม่ใช่น้อย ๆ แล้วไหนจะกระบวนการติดตั้งที่ค่อนข้างวุ่นวายพอสมควรอีก แต่ถ้าเราจะบอกว่า การติดตั้งแผงโซล่าเซลล์ เพื่อผลิตพลังงานไฟฟ้าในบ้าน จะช่วยประหยัดค่าไฟในบ้านได้กว่า 95% แบบนี้เริ่มสนใจกันบ้างแล้วใช่ไหมคะ แถมการติดตั้งแผงโซล่าเซลล์ไว้ในบ้าน ยังเป็นการประหยัดพลังงานไฟฟ้าแบบถาวร ที่ถึงแม้จะต้องลงทุนมากหน่อย แต่ในอนาคตก็ประหยัดได้เยอะเว่อร์จริง ๆ นะ

          ไม่ว่าจะกี่เคล็ดลับ หรือวิธีประหยัดพลังงานอีกสักกี่ข้อ ก็ต้องอาศัยพฤติกกรรมการใช้พลังงานในบ้านของผู้อยู่อาศัยเองด้วย ค่าน้ำค่าไฟของคุณจะลดลงได้แค่ไหน อันนี้ก็ต้องร่วมด้วยช่วยกันประหยัดพลังงานล่ะเนอะ



ที่มา : http://www.teerawatcurtain.com/6-%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%98%E0%B8%B5%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%AB%E0%B8%A2%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%9E%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%9A-284/


วันอาทิตย์ที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2557

สุอยอดอาหาร 10 ประเทศในอาเซียน

สุอยอดอาหาร 10 ประเทศในอาเซียน



1. ประเทศไทย (Thailand) : ต้มยำกุ้ง (Tom Yam Goong)






                  ต้มยำกุ้ง เป็นอาหารประเภทแกง เป็นอาหารคาวที่รับประทานกับข้าวสวย รับประทานกันทั่วทุกภาคในประเทศ เน้นรสชาติเปรี้ยวและเผ็ดเป็นหลัก จะออกเค็มและหวานเล็กน้อย ชาวต่างชาติ จะรู้จักต้มยำ ในรูปของ ต้มยำกุ้ง มากกว่าต้มยำชนิดอื่นๆ โดยต้มยำจะใส่เนื้อสัตว์อะไรก็ได้ เช่น กุ้ง หมู ไก่ ปลา หัวปลา หรือจะไม่ใส่เนื้อสัตว์เลยก็ได้ ผักที่นิยมใส่มากที่สุดในต้มยำได้แก่ ใบมะกรูด ตะไคร้ ข่า พริก ผักอื่นๆที่นิยมใส่รองลงมาได้แก่ มะเขือเทศ เห็ดหูหนู เห็ดฟาง เห็ดนางฟ้า หัวปลี ใบผักชี ส่วนเครื่องปรุงที่จำเป็นต้องใส่คือ มะนาว น้ำปลา น้ำตาล น้ำพริกเผา

      Tom Yum Goong (Thai Spicy Soup with Prawns) is the name given to a very popular Thai soup that is hot, spicy and sour. It is made with prawns. It gives a delicious and unusual taste of being hot whilst slightly sour. The basic ingredients are lemongrass, galangal, kaffir lime leaves, fish sauce, red chillies, Thai chilli paste, lime juice, mushrooms and tomatoes.


2. พม่า (Myanmar) : หล่าเพ็ด (Lahpet)






                   หล่าเพ็ด (Lahpet) เป็นอาหารยอดนิยมของพม่า คือใบชาหมักทานกับเครื่องเคียง เช่น กระเทียมเจียว ถั่วชนิดต่าง ๆ งาคั่ว กุ้งแห้ง ขิง มะพร้าวคั่ว จัดว่าเป็นอาหารว่างคล้ายกับยำเมี่ยงบ้านเรานั่นเอง หล่าเพ็ดเป็นจานที่ขาดไม่ได้ในโอกาสพิเศษหรือเทศกาลสำคัญ ๆ ว่ากันว่าไม่มีงานเลี้ยงหรืองานเฉลิมฉลองใดจะสมบูรณ์ได้หากไม่มีอาหารยอดนิยมอย่างหล่าเพ็ด

                    Lahpet is a national dish of Myanmar. It is served traditionally in a shallow lacquer ware dish called lahpet ohk with a lid and divided into small compartments - pickled tea is laced with sesame oil in a central compartment surrounded, in their own compartments, by other ingredients namely crisp fried garlic, peas and peanuts, toasted sesame, crushed dried shrimp, preserved shredded ginger and fried shredded coconut.


3. สิงคโปร์ (Singapore) : ลักสา (Laksa) เป็นก๋วยเตี๋ยวต้มยำ (ใส่กะทิ)






                    ลักซา (Laksa) อาหารยอดนิยมของสิงคโปร์ เป็นก๋วยเตี๋ยวต้มยำ (ใส่กะทิ) ลักษณะคล้ายข้าวซอยของไทย น้ำแกงเข้มข้นด้วยรสชาติของกะทิ กุ้งแห้ง และพริก โรยหน้าด้วยกุ้งต้ม หอยแครง ลักชามีหลายประเภททั้งแบบที่ใส่กะทิ และไม่ใส่กะทิ

            Laksa is spicy noodle that is popular in Singapore. It is a noodle dish in coconut milk and curry soup.


4. ฟิลิปปินส์ (Philippines) : อโดโบ้ (Adobo)







                    อโดโบ้ (Adobo) เป็นอาหารยอดนิยมของประเทศฟิลิปปินส์ ทำจากเนื้อหมูหรือเนื้อไก่ที่ผ่านกรรมวิธีหมักและปรุงรส โดยจะใส่น้ำส้มสายชู ซีอิ๊วขาว กระเทียมสับ ใบกระวาน พริกไทยดำ นำไปทำให้สุกโดยอบในเตาอบหรือทอด รับประทานกับข้าวสวยร้อน ๆ ในอดีตอาหารจานนี้เป็นที่นิยมในหมู่นักเดินทางเนื่องจากส่วนผสมและวิธีการปรุง ทำให้อโดโบ้สามารถเก็บรักษาไว้ได้นาน เหมาะสำหรับพกไว้เป็นเสบียงอาหารระหว่างการเดินทาง ปัจจุบันเป็นอาหารยอดนิยมทุกที่ทุกเวลา

                      Adobo is the most popular Filipino dish.It can be made with either chicken or pork, but it is typically made with chicken. It is easily cooked by adding the pork and chicken to the pan. Then add 2 cups of water, 1/4 cup of soy sauce, vinegar, paprika and the bay leaves. After that bring to a boil and cover and simmer for 30 minutes or when meat is tender. It istypically served with steamed white rice.



5. เวียดนาม (Vietnam) : Nem หรือ เปาะเปี๊ยะเวียดนาม
                                              



                  แหนม หรือ ปอเปี๊ยะเวียดนาม เป็นอาหารยอดนิยมของเวียดนาม หนึ่งในอาหารพื้นเมืองที่โด่งดังที่สุดของประเทศนี้ก็ว่าได้ แผ่นแป้งทำจากข้าวจ้าว นำมาห่อไส้ซึ่งอาจเป็นไก่ หมู กุ้ง หรือหมูยอ รวมกับผักที่มีสรรพคุณเป็นยานานาชนิด เช่น สะระแหน่ ผักกาดหอม ทานคู่กับน้ำจิ้มหวาน และบางครั้งอาจมีเครื่องเคียงอย่างอื่นเพิ่มมาด้วย

                   Nem is one of Vietnam’s favourite dishes. It is very easy to prepare. Ingredients used for Nem comprise of lean minced pork, sea crabs or unshelled shrimps, mushroom , dried onion, duck eggs, pepper, salt and different kinds of seasoning. All are mixed thoroughly before being wrapped with transparent rice paper into small rolls. These rolls are then fried in boiling oil.



6. มาเลเซีย (Malaysia) : นาซิ เลอมัก (Nasi Lemak)



            
                นาซิ เลอมัก (Nasi Lemak) อาหารยอดนิยมของมาเลเซีย คือข้าวหุงกับกะทิและใบเตย ทานพร้อมเครื่องเคียง 4 อย่าง ได้แก่ ปลากะตักทอดกรอบ แตงกวาหั่น ไข่ต้มสุก และถั่วอบ นาซิ เลอมักแบบดั้งเดิมจะห่อด้วยใบตองและมักทานเป็นอาหารเช้า แต่ในปัจจุบัน กลายเป็นอาหารยอดนิยมที่ทานได้ทุกมื้อ และแพร่หลายในประเทศเพื่อนบ้านอีกหลายแห่ง เช่น สิงคโปร์ และภาคใต้ของไทย

                 Nasi Lemak is one of the well-known dishes from Malaysia. It is Malaysian coconut milk rice with dried anchovies. Serve hot or cold with fried peanuts, crispy anchovies, cucumber slices, boiled eggs and sweet chili paste.



7. ลาว (Loas) : ซุปไก่ (Chicken Soup)

           



                      ซุปไก่ (Chicken Soup) เป็นอาหารยอดนิยมของลาว มีส่วนผสมสำคัญ ได้แก่ ตะไคร้ ใบสะระแหน่ กระเทียม หอมแดง รวมถึงรสชาติเปรี้ยว ๆ เผ็ด ๆ จากมะนาวและพริก รับประทานร้อน ๆ กับข้าวเหนียว
                       Chicken soup is a traditional Lao dish. Lemongrass, basil leaves, garlic and onions are important ingredients. Undoubtedly, Lao food is one of the greatest and healthiest cuisines with many types of fresh herbs.



8. อินโดนีเซีย (Indonesia) : กาโด กาโด (Gado Gado)



            
                         กาโด กาโด (Gado Gado) อาหารยอดนิยมของอินโดนีเซีย ประกอบไปด้วยผักและธัญพืชหลากชนิด เช่น มันฝรั่ง กะหล่ำปลี ถั่วงอก ถั่วเขียว เสริมโปรตีนด้วยเต้าหู้และไข่ต้มสุก รับประทานกับซอสถั่วที่คล้ายกับซอสสะเต๊ะ ใกล้เคียงกับสลัดแขกของบ้านเรา
                          Gado-gado is one of the well-known dishes from Indonesia. It is vegetable salad with peanut sauce. It is usually served with tomato wedges, bean sprouts, tofu, cabbage and boiled eggs.



9. กัมพูชา (Cambodia) : อาม็อก (Amok)



           
                          อาม็อก (Amok) อาหารยอดนิยมของกัมพูชา ลักษณะคล้ายห่อหมกของไทยโดยมากแล้วนิยมปรุงเนื้อปลาลวกด้วยพริกเครื่องแกงและกะทิ แล้วทำให้สุกโดยการนำไปนึ่ง บางตำรับอาจใช้เนื้อไก่หรือหอยแทน สาเหตุหนึ่งที่คนในประเทศนี้นิยมรับประทานปลา เพราะเป็นอาหารที่หาได้ง่าย เนื่องจากสภาพภูมิประเทศที่มีแหล่งน้ำขนาดใหญ่อยู่ตรงกลาง
                           Amok is a traditional Cambodian dish. It's fish mixed with curry sauce( kroeung) , coconut milk and steamed in a boat made origami fashion from a banana leaf.



10. บรูไน ดารุสซาลาม (Brunei Darussalam) : อัมบูยัต (Ambuyat)
                               




                      อัมบูยัต (Ambuyat) เป็น อาหารยอดนิยมของบรูไน มีลักษณะเด่นคือ เหนียวข้นคล้ายข้าวต้มหรือโจ๊ก มีแป้งสาคูเป็นส่วนผสมหลัก อัมบูยัตโดยตัวเองไม่มีรสชาติแต่ความอร่อยอยู่ที่การจิ้มกับซอสเปรี้ยว  นอกจากนี้ยังมีเครื่องเคียงอีก 2-3 ชนิดที่นิยมรับประทานคู่กัน เช่น เนื้อห่อใบตองย่าง เนื้อทอด
                       Ambuyat is considered the most popular delicacy in Brunei. It is made from sago and eaten by dipping a serving in a hot and thick sauce called cacah. Ambuyat, in replacement of rice, is served with a minimum of three main and side dishes.



บทสนทนาเกี่ยวกับอาหารที่ชอบ

A: What is your favorite food in Asean? Why?
"อาหารอะไรที่คุณชอบในเมนูอาหารของอาเซียน เพราะอะไร"
B: I like Tom Yam Goong because it is Thai soup that is hot, spicy,  sour and very delicious.  And you?
"ฉันชอบต้มยำกุ้งค่ะ เพราะว่า มันมีรสเผ็ด เปรี้ยว เค็มและอร่อยมากๆ แล้วคุณล่ะค่ะ"
A: Wow,  I like Nem of Vietnam because I love healthy food.
"ว้าว ผมชอบทานแหนมของประเทศเวียดนาม เพราะผมชอบทานอาหารเพื่อสุขภาพ"
B: Well.
"เยี่ยมมากค่ะ"

บทสนทนาเกี่ยวกับการสั่งอาหาร
A: What would you like to order, sir?
" คุณต้องการสั่งอะไรค่ะ "
B: One Chicken Soup and mineral water.
" ซุปไก่ แล้วก็น้ำแร่ ครับ "
A: And for you, Madam?
" แล้วคุณล่ะค่ะ คุณผุ้หญิง "
C: I ' d like to have the Nem and diet Coke.
" ฉันขอสลัดไก่ แล้วก็โค้กไดเอทค่ะ "
A: What do you want for dessert, sir?
" คุณต้องการจะรับอะไรเป็นของหวานด้วยไหมค่ะ "
B: I ' ll see from menu later.
" อีกสักครู่ ผมจะขอดูจากเมนูก่อน "
A: Thank you.
" ขอบคุณค่ะ "

ทีมา : ข้อมูล   http://mama999444.blogspot.com/ 
           รูปภาพ  https://www.google.co.th/url?sa=i&rct=j&q=&esrc=s&source=images&cd=&cad=rja&uact=8&docid=e7q-HIuPVYUarM&tbnid=UID3hlbym9ZrIM:&ved=0CAUQjRw&url=http%3A%2F%2Fwww.familyweekend.co.th%2Fproduct%2F1244484%2F%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25AB%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%25B2%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%258B%25E0%25B8%25B5%25E0%25B8%25A2%25E0%25B8%2599.html&ei=3hiVU_K7O8TGuASk-YLwBA&bvm=bv.68445247,d.c2E&psig=AFQjCNFGYZaOGRgX_v7Pn0eBPWc3-Bk4FA&ust=1402366485638167

วันอาทิตย์ที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2557

เทศบาลตำบลกลางหมื่นร่วมเดินหน้าสู่อาเซียน


เปรียบแรงงานไทย กับต่อสิงคโปร์ และมาเลเซียในอาเซียน




ศูนย์วิจัยกสิกรไทย รายงานว่า สถานะของตลาดแรงงานไทยในภาพรวม อยู่ในระดับกลางเมื่อเทียบกับเพื่อนบ้านในอาเซียน โดยแรงงานไทยมีจุดเด่นด้านการทำงานที่ต้องอาศัยความละเอียดและความคิดสร้างสรรค์ แต่เสียเปรียบอินโดนีเซียและกลุ่มประเทศ CLMV ได้แก่ กัมพูชา ลาว พม่า เวียดนาม ในด้านจำนวนแรงงานและต้นทุนค่าแรง อ่อนด้อยกว่าฟิลิปปินส์

ด้านภาษา และยังไล่หลังสิงคโปร์และมาเลเซียในด้านคุณภาพและผลิตภาพแรงงาน เมื่อมองตลาดแรงงานทักษะสูง พบว่า สิงคโปร์ และมาเซียอยู่ในแถวหน้า ซึ่งเป็นผลจากการยกระดับมาตรฐานการศึกษา ความได้เปรียบด้านการใช้ภาษาอังกฤษและจีน ทำให้แรงงานส่วนใหญ่มีทักษะสูงมาก สามารถรองรับอุตสาหกรรมไฮเทคและเทคโนโลยีซับซ้อนและธุรกิจบริการได้เป็นอย่างดี

เมื่อพิจารณาเรื่องกำลังแรงงานด้วยจะเห็นว่าฟิลิปปินส์มีความได้เปรียบเมื่อเทียบกับมาเลเซียที่เริ่มมีปัญหาขาดแคลนแรงงาน และสิงคโปร์ที่ตลาดแรงงานตึงตัวรุนแรง ขณะเดียวกัน อินโดนีเซียและไทยมีความโดดเด่นเรื่องจำนวนแรงงานกึ่งทักษะที่สามารถทำงานได้ทั้งอุตสาหกรรมที่พึ่งพาแรงงานและอุตสาหกรรมที่พึ่งพาเทคโนโลยี อินโดนีเซียได้เปรียบด้านความพอเพียงของจำนวนแรงงานและค่าจ้างแรงงานที่ถูกเมื่อเทียบกับไทยที่ตลาดแรงงานมีสัญญาณตึงตัวในกลุ่มแรงงานทักษะระดับล่างและแรงงานกึ่งทักษะ

กลุ่ม CLMV ได้เปรียบด้านต้นทุนค่าแรงต่ำและมีแรงงานจำนวนมาก แต่ส่วนใหญ่ยังเป็นแรงงานทักษะระดับล่าง

ที่มา :  มติชนสุดสัปดาห์
        https://www.google.co.th/search?q=เงินตราอาเซียน&biw=1280&bih=649&tbm=isch&imgil=aNULlXE0K104KM%253A%253Bhttps%253A%252F%252Fencrypted-tbn3.gstatic.com%252Fimages%253Fq%253Dtbn%253AANd9GcSVRfyrJUHCpdWIEj1wdPDqXjHZIH0LXXolSIVj78ug7COSdjYHJg%253B600%253B600%253B03kwQsNnia-o8M%253Bhttp%25253A%25252F%25252Fwww.uasean.com%25252Fdogtech%25252F315&source=iu&usg=__bAirzTfFI3OUyXnBQMtAr5IOX4A%3D&sa=X&ei=wRGMU86OIoLtrAfc7oGABA&ved=0CDcQ9QEwAQ#facrc=_&imgrc=aNULlXE0K104KM%253A%3B03kwQsNnia-o8M%3Bhttp%253A%252F%252Fwww.uasean.com%252Fimages%252Fblog%252Fdogtech%252F2013041102235.jpg%3Bhttp%253A%252F%252Fwww.uasean.com%252Fdogtech%252F315%3B600%3B600

วันพุธที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

เทศบาลตำบลกลางหมื่น ร่วมเดินหน้าสู่ อาเซียน 10 ประเทศ


ธงอาเซียน 10 ประเทศ และสัญลักษณ์ของอาเซียน





          นับถอยหลังอีกเพียงไม่กี่ปี ประเทศไทยก็จะก้าวเข้าสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Community : AEC) อย่างเต็มตัวแล้ว ซึ่งขณะนี้ก็ดูเหมือนว่าประเทศของเราจะมีความตื่นตัวในการเปิดเขตเศรษฐกิจ เสรีอาเซียนอยู่ไม่น้อยทีเดียว ดังจะเห็นได้จากการจัดสัมมนา ฝึกอบรมและกิจกรรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับอาเซียนอย่างมากมาย

          สำหรับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนมีวัตถุประสงค์เพื่อทำให้อาเซียนมีตลาดและฐานการผลิตเดียวกันและมีการเคลื่อนย้ายสินค้า บริการ การลงทุน เงินทุน และแรงงานมีฝีมืออย่างเสรี ซึ่งอาเซียนมีความจำเป็นที่ต้องเร่งรัดการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจภายใน ก็เพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับอาเซียนเอง และเพื่อสร้างให้อาเซียนเป็นศูนย์กลางภายในภูมิภาค คานอำนาจของประเทศอื่น ๆ ภายในภูมิภาคที่มีบทบาทโดดเด่นอย่างเช่น จีน ญี่ปุ่นและอินเดีย เป็นต้น

          และเพื่อเป็นการทำความรู้จักประชาคมอาเซียนให้มากขึ้น วันนี้กระปุกดอทคอมก็มีสาระน่ารู้เกี่ยวกับสัญลักษณ์ของธงชาติอาเซียน มาฝากกันค่ะ


          ธงชาติอาเซียน มีสัญลักษณ์คือ ต้นข้าวสีเหลือง 10 ต้นมัดรวมกันไว้ หมายถึงประเทศสมาชิกรวมกันเพื่อมิตรภาพและความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน

          สีน้ำเงิน หมายถึง สันติภาพและความมั่นคง
          สีแดง หมายถึง ความกล้าหาญและความก้าวหน้า
          สีขาว หมายถึง ความบริสุทธิ์
          สีเหลือง หมายถึง ความเจริญรุ่งเรือง

         สำหรับหลักและวิธีการประดับธงอาเซียน และธงชาติของประะเทศสมาชิกอาเซียนให้ เรียงโดยเริ่มจากธงอาเซียนแล้วต่อด้วยสมาชิก 10 ประเทศ ตามลำดับอักษรชื่อประเทศดังนี้



          1. Brunei Darussalam (บรูไน ดารุสซาลาม)

          ธงชาติบรูไน ลักษณะของธงชาติมีพื้นสีเหลือง โดยมีแถบสีขาว และสีดำ พาดตามแนวทแยงมุมจากด้านคันธงจรดปลายธง ซึ่งแถบสีขาวอยู่ด้านบน แถบสีดำอยู่ด้านล่าง ขณะที่กลางธงนั้น มีตราแผ่นดินของบรูไนประทับอยู่ ซึ่งสีต่าง ๆ มีความหมาย ดังนี้

           สีเหลือง หมายถึง กษัตริย์

           สีขาว และสีดำ หมายถึง มุขมนตรี

          สาเหตุที่ธงชาติบรูไนใช้สีเหลืองสื่อถึงกษัตริย์นั้น เนื่องจากธงประจำพระองค์ของสุลต่านแห่งบรูไน ใช้ธงพื้นสีเหลือง




          2. Kingdom of Cambodia (ราชอาณาจักรกัมพูชา)

          ธงชาติกัมพูชา ลักษณะผืนธงแบ่งตามแนวยาวเป็น 3 ริ้ว โดยริ้วตรงกลางจะเป็นสีแดง กว้าง 2 ส่วน มีรูปปราสาทหินนครวัดสามยอดสีขาวอยู่บริเวณกึ่งกลาง ขณะที่ริ้วด้านนอกทั้ง 2 ด้าน มีสีน้ำเงิน และกว้างริ้วละ 1 ส่วนเท่า ๆ กัน โดยสีต่าง และสัญลักษณ์ต่าง ๆ ของธง มีความหมาย ดังนี้

           สีน้ำเงิน หมายถึง กษัตริย์

           สีแดง หมายถึง ชาติ

           ส่วนปราสาทนครวัดสีขาว หมายถึง สันติภาพ




          3. Republic of Indonesia (สาธารณรัฐอินโดนีเซีย)

          ธงชาติอินโดนีเซีย พื้นธงแบ่งเป็นสองส่วนตามแนวนอน โดยสีต่าง ๆ ของธง มีความหมาย ดังนี้

           สีแดง หมายถึง ความกล้าหาญ และอิสรภาพ

           สีขาว หมายถึง ความบริสุทธิ์ยุติธรรม




          4. Lao People’s Democratic Republic (สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว - สปป ลาว)

          ธงชาติลาว ลักษณะผืนธงแบ่งตามแนวยาวออกเป็น 3 ส่วน โดยแถบตรงกลางจะเป็นสีน้ำเงิน กว้าง 2 ส่วน มีพระจันทร์ทรงกลมสีขาวอยู่กึ่งกลาง ขณะที่แถบด้านนอกทั้ง 2 ด้าน มีสีแดง และกว้างริ้วละ 1 ส่วน เท่า ๆ กัน โดยสีต่าง ๆ ของธง มีความหมาย ดังนี้

           สีแดง หมายถึง เลือดแห่งการต่อสู้เพื่ออิสรภาพของชาวลาว

           สีน้ำเงิน หมายถึง ความมั่งคั่งอุดมสมบูรณ์ของชาติ

           พระจันทร์สีขาว หมายถึง เอกภาพของ

          สาเหตุที่มีดวงจันทร์ทรงกลมอยู่ตรงกลาง เนื่องจากเพื่อเป็นสัญลักษณ์สื่อถึงดวงจันทร์ลอยเด่นเหนือลำน้ำโขง




          5. Malaysia (มาเลเซีย)

          ธงชาติมาเลเซีย มีแถบสีแดงสลับสีขาวรวม 14 แถบ แต่ละแถบมีความกว้างเท่ากัน ที่มุมธงด้านคันธงมีรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าสีน้ำเงินกว้าง 8 ใน 14 ส่วนของผืนธงด้านกว้าง และยาวกึ่งหนึ่งของผืนธงด้านยาว ภายในรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าดังกล่าว มีเครื่องหมายพระจันทร์เสี้ยว และดาว 14 แฉก ซึ่งสี และสัญลักษณ์ ต่าง ๆ มีความหมาย ดังนี้

           แถบริ้วสีแดง และสีขาว ทั้ง 14 ริ้ว หมายถึง สถานะอันเสมอภาคของรัฐสมาชิกทั้ง 13 รัฐ ภายในประเทศมาเลเซีย

           ดาว 14 แฉก หมายถึง ความเป็นเอกภาพในหมู่รัฐดังกล่าวทั้งหมด

           พระจันทร์เสี้ยว หมายถึง ศาสนาอิสลามอันเป็นศาสนาประจำชาติ

           สีเหลืองในพระจันทร์เสี้ยว และดาว 14 แฉก สื่อถึง ผู้เป็นประมุขแห่งสหพันธรัฐ

           สีน้ำเงิน หมายถึง ความสามัคคีของชาวมาเลเซีย




          6. Republic of the Union of Myanmar (สาธารณรัฐแห่งสหภาพพม่า)

          ธงชาติพม่า ได้แบ่งตามความยาวออกเป็น 3 ส่วน และมีความกว้างเท่า ๆ กัน โดยแต่ละส่วน มีสีที่แตกต่างกัน ไล่จากบนลงล่าง คือ สีเหลือง สีเขียว และสีแดง ขณะที่กึ่งกลางธงมีรูปดาว 5 แฉก สีขาวขนาดใหญ่ ซึ่งสี และสัญลักษณ์ ต่างๆ มีความหมาย ดังนี้

           สีเขียว หมายถึง สันติภาพ ความสงบ และความอุดมสมบูรณ์ของพม่า

           สีเหลือง หมายถึง ความสามัคคี

           สีแดง หมายถึง ความกล้าหาญ ความเข้มแข็ง เด็ดขาด

           ดาวสีขาว หมายถึง สหภาพอันมั่นคงเป็นเอกภาพ




          7. Republic of the Philippines (สาธารณรัฐฟิลิปปินส์)

          ธงชาติฟิลิปปินส์ ด้านต้นธงเป็นรูปสามเหลี่ยมสีขาว เป็นเครื่องหมายแทนความเสมอภาค และภราดรภาพ ซึ่งภายในสามเหลี่ยมสีขาว ประกอบด้วย ดวงอาทิตย์รัศมี 8 แฉก ล้อมด้วยดาว 5 แฉก จำนวน 3 ดวง และตั้งอยู่ตามมุมของรูปสามเหลี่ยม ซึ่งสัญลักษณ์ทั้งหมด ล้วนเป็นสีทอง ส่วนด้านที่เหลือของธง ได้แบ่งครึ่งตามความยาว โดยแถบบนมีสีน้ำเงิน และแถบล่างมีสีแดง

          ทั้งนี้ หากแถบทั้งสองสีดังกล่าว ได้มีการสลับตำแหน่งกัน คือ แถบสีแดงอยู่ด้านบน แถบสีน้ำเงินอยู่ด้านล่าง แสดงว่า ขณะนั้นประเทศฟิลิปปินส์กำลังอยู่ในภาวะสงคราม ส่วนสี และสัญลักษณ์ ต่างๆ มีความหมาย ดังนี้

           สีน้ำเงิน หมายถึง สันติภาพ สัจจะ และความยุติธรรม

           สีแดง หมายถึง ความรักชาติ และความมีคุณค่า

           ดวงอาทิตย์มีรัศมี 8 แฉก หมายถึง 8 จังหวัดแรกของประเทศ ที่มีความพยายาม ในการเรียกร้องเอกราชจากประเทศสเปน กระทั่งเกิดการปฏิวัติในปี พ.ศ. 2439

           ดาวสามดวง หมายถึง การแบ่งพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ของประเทศออกเป็น 3 ส่วนใหญ่ ๆ  ได้แก่ เกาะลูซอน เกาะมินดาเนา และหมู่เกาะวิสายัน




          8. Republic of Singapore (สาธารณรัฐสิงคโปร์)

          ธงชาติสิงคโปร์ ประกอบด้วยแถบสองสีแบ่งครึ่งกลางธง แถบสีแดงอยู่ด้านบน แถบสีขาวอยู่ด้านล่าง ที่มุมด้านบนของคันธง เป็นรูปพระจันทร์เสี้ยว ถัดจากรูปดังกล่าวมีดาว 5 แฉก  จำนวน 5 ดวง เรียงเป็นรูปห้าเหลี่ยมด้านเท่า โดยรูปพระจันทร์เสี้ยว และดาว 5 แฉก ต่างมีสีขาว ซึ่งสี และสัญลักษณ์ ต่างๆ มีความหมาย ดังนี้

           สีแดง หมายถึง ภราดรภาพ และความเสมอภาคของมนุษย์โดยทั่วหน้า

           สีขาว หมายถึง ความบริสุทธิ์ และความดีงามที่แพร่หลาย และคงอยู่ตลอดกาล

           รูปพระจันทร์เสี้ยว ซึ่งเป็นจันทร์เสี้ยวข้างขึ้น หมายถึง ความเป็นชาติใหม่ที่ถือกำเนิดขึ้น

           ดาว 5 ดวง หมายถึง อุดมคติ 5 ประการของชาติ ได้แก่ ประชาธิปไตย สันติภาพ ความก้าวหน้า ความยุติธรรม และความเสมอภาค




          9. Kingdom of Thailand (ราชอาณาจักรไทย)

          ธงชาติไทย ประกอบด้วย 3 สีหลัก ได้แก่ สีแดง สีขาว และสีน้ำเงิน มีการแบ่งเป็นริ้วจำนวน 5 แถบ ซึ่งแถบในสุดเป็นสีน้ำเงิน ถัดมาด้านนอกทั้งด้านบน ด้านล่าง เป็นสีขาว และสีแดงตามลำดับ ทั้งนี้ แถบสีน้ำเงินมีขนาดใหญ่กว่าแถบสีอื่นเป็น 2 เท่า ส่วนสีต่าง ๆ มีความหมาย ดังนี้

           สีแดง หมายถึง ชาติ

           สีขาว หมายถึง ศาสนา

           สีน้ำเงิน หมายถึง พระมหากษัตริย์

          อย่างไรก็ตาม มีการเรียกชื่อธงนี้ว่า ธงไตรรงค์ (ไตร = สาม, รงค์ = สี) เนื่องจากพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระราชนิพนธ์ "เครื่องหมายแห่งไตรรงค์" ไว้เมื่อ พ.ศ. 2464 โดยได้นิยามความหมายของธงไตรรงค์ว่า

           สีแดง หมายถึง เลือดอันยอมพลีให้แก่ชาติ

           สีขาว หมายถึง ความบริสุทธิ์แห่งพระพุทธศาสนา และธรรมะ

           สีน้ำเงิน หมายถึง สีส่วนพระองค์ขององค์พระมหากษัตริย์

          แม้นิยามดังกล่าวจะไม่ใช่คำอธิบายที่ทรงประกาศใช้อย่างเป็นทางการ แต่ทั้งสามสิ่งนี้คืออุดมการณ์รัฐที่พระองค์ทรงปลูกฝัง เพื่อให้คนไทยเกิดสำนึกความเป็นชาตินิยมมาตลอด




          10. Socialist Republic of Vietnam (สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม)

          ธงชาติเวียดนาม พื้นธงเป็นสีแดงล้วน ตรงกึ่งกลางมีรูปดาว 5 แฉก สีเหลืองทอง เป็นที่เข้าใจกันทั่วไปว่าหมายถึงชนชั้นต่าง ๆ ในสังคมเวียดนาม คือ นักปราชญ์ ชาวนา ช่างฝีมือ พ่อค้า และทหาร ส่วนสีต่าง ๆ มีความหมาย ดังนี้

           สีแดง หมายถึง การต่อสู้เพื่อกู้เอกราชของชาวเวียดนาม

           สีเหลือง หมายถึง ชาวเวียดนาม

          อย่างไรก็ตาม ภายหลังการรวมชาติเวียดนามในปี พ.ศ. 2519 ความหมายในธงได้มีการอธิบายใหม่ในทางการเมืองว่า

           สีแดง หมายถึง การปฏิวัติโดยชนชั้นกรรมาชีพ

           ดาวสีทอง หมายถึง การชี้นำของพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม


ที่มา: http://hilight.kapook.com/view/75319

ประวัติความเป็นมาประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC)


ประวัติความเป็นมาประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC)



Asean Economic Community History






AEC เป็นการพัฒนามาจากการเป็น สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (The Association of South East Asian Nations : ASEAN) ก่อตั้งขึ้นตามปฏิญญากรุงเทพฯ (Bangkok Declaration) เมื่อ 8 สิงหาคม 2510 โดยมีประเทศผู้ก่อตั้งแรกเริ่ม 5 ประเทศ คือ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และไทย ต่อมาในปี 2527 บรูไน ก็ได้เข้าเป็นสมาชิก ตามด้วย 2538 เวียดนาม ก็เข้าร่วมเป็นสมาชิก ต่อมา 2540 ลาวและพม่า เข้าร่วม และปี 2542 กัมพูชา ก็ได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกลำดับที่ 10 ทำให้ปัจจุบันอาเซียนเป็นกลุ่มเศรษฐกิจภูมิภาคขนาดใหญ่ มีประชากร รวมกันเกือบ 500 ล้านคน

จากนั้นในการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่  9 ที่อินโดนีเซีย เมื่อ 7 ต.ค.  2546  ผู้นำประเทศสมาชิกอาเซียนได้ตกลงกันที่จะจัดตั้งประชาคมอาเซียน (ASEAN Community) ซึ่งประกอบด้วย3 เสาหลัก คือ

1.ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (Asean Economic Community:AEC)
2.ประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน (Socio-Cultural Pillar)
3.ประชาคมความมั่นคงอาเซียน (Political and Security Pillar)

คำขวัญของอาเซียน คือ “ One Vision, One Identity, One Community.” หนึ่งวิสัยทัศน์   หนึ่งอัตลักษณ์   หนึ่งประชาคม

เดิมกำหนดเป้าหมายที่จะตั้งขึ้นในปี 2563 แต่ต่อมาได้ตกลงกันเลื่อนกำหนดให้เร็วขึ้นเป็นปี 2558 และก้าวสำคัญต่อมาคือการจัดทำปฏิญญาอาเซียน (ASEAN Charter) ซึ่งมีผลใช้บังคับแล้วตั้งแต่เดือนธันวาคม ปี 2552 นับเป็นการยกระดับความร่วมมือของอาเซียนเข้าสู่มิติใหม่ในการสร้างประชาคม โดยมีพื้นฐานที่แข็งแกร่งทางกฎหมายและมีองค์กรรองรับการดำเนินการเข้าสู่เป้าหมายดังกล่าวภายในปี 2558

ปัจจุบันประเทศสมาชิกอาเซียน รวม 10 ประเทศได้แก่  ไทย พม่า มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ เวียดนาม ลาว กัมพูชา บรูไน

สำหรับเสาหลักการจัดตั้งประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Community หรือ AEC )ภายในปี 2558 เพื่อให้อาเซียนมีการเคลื่อนย้ายสินค้า บริการ การลงทุน แรงงานฝีมือ อย่างเสรี และเงินทุนที่เสรีขึ้นต่อมาในปี 2550 อาเซียนได้จัดทำพิมพ์เขียวเพื่อจัดตั้งประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC Blueprint) เป็นแผนบูรณาการงานด้านเศรษฐกิจให้เห็นภาพรวมในการมุ่งไปสู่ AEC ซึ่งประกอบด้วยแผนงานเศรษฐกิจในด้าน ต่าง ๆ พร้อมกรอบระยะเวลาที่ชัดเจนในการดำเนินมาตรการต่าง ๆ จนบรรลุเป้าหมายในปี 2558 รวมทั้งการให้ความยืดหยุ่นตามที่ประเทศสมาชิกได้ตกลงกันล่วงหน้า

ในอนาคต AEC จะเป็นอาเซียน+3 โดยจะเพิ่มประเทศ จีน เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น เข้ามาอยู่ด้วย และต่อไปก็จะมีการเจรจา อาเซียน+6 จะมีประเทศ จีน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และ อินเดียต่อไป


ที่มา : http://www.thai-aec.com/ประวัติความเป็นมาประชา

วันอังคารที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2557

ย้อนหลัง 7 มกราคม 2557 กิ๊กดู๋ สงครามเพลงเงินล้าน รอบรองชนะเลิศ จังหวัดบุรีรัมย์ ปะทะ กาฬสินธุ์

7 มกราคม 2557 เงาเสียง กุ้ง สุธิราช หญิง ธิติกานต์ บุรีรัมย์ กาฬสินธุ์

กิ๊กดู๋ 7 มกราคม 2557 เงาเสียง กุ้ง สุธิราช หญิง ธิติกานต์ บุรีรัมย์ กาฬสินธุ์
วันอังคารที่ 07 มกราคม 2014 เวลา 17:55 น.


ดูรายการ กิ๊กดู๋ 7 มกราคม 2557 หลังจากสัปดาห์ที่แล้ว ตรงกับวันส่งท้ายปีเก่า งดออกอากาศไป ล่าสุดคืนวันอังคารนี้ รายการ กิ๊กดู๋ สงครามเพลงเงินล้าน กลับมาให้ความสนุกอีกครั้ง ช่วงประชันเงาเสียง กุ้ง สุธิราช หญิง ธิติกานต์ สงครามเพลงเงินล้าน รอบรองชนะเลิศ ระหว่าง จังหวัดบุรีรัมย์ ปะทะ กาฬสินธุ์
ช่วงประชันเงาเสียง พบกับ 2 นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง กุ้ง สุธิราช วงศ์เทวัญ (หรือชื่อจริง สุธิราช อุสุภะ) หนุ่มนักร้องลูกทุ่งหน้ายกชื่อดัง เจ้าของเพลงฮิตมากมาย อาทิเพลง ขอเป็นพระเอกในหัวใจเธอ ควงคู่มาพร้อมกับ นักร้องลูกทุ่งสาวสวย จากค่ายอาร์สยามด้วยกัน หญิง ธิติกานต์ (ชื่อจริง ดวงใจ ใต้ไธสง) เจ้าของเพลงดังมากมาย อาทิ อสงไขย, ต่อเวลา เป็นต้น เพียงแค่เปิดตัวมา ทั้งสองจะได้รับเสียงต้อนรับจากแฟนเพลงในห้องส่งแล้ว นอกจากนั้น หนุ่ม กุ้งยังจะได้รับการต้อนรับเป็นพิเศษ จากตั๊ก ศิริพร พิธีกรสาวใหญ่ ที่หอบพวงมาลัยมาคล้องให้ถึงหน้าเวที
กิ๊กดู๋ สงครามเพลงเงินล้าน รอบรองชนะเลิศ จังหวัดบุรีรัมย์ ปะทะ กาฬสินธุ์ ผู้ชนะจะได้ผ่านเข้ารอบไปชิงชนะเลิศเงินล้าน กับทีมจังหวัด จังหวัดสมุทรปราการ ที่เข้ารอบมาโดยชนะจังหวัดแพร่ ที่ออกอากาศไปเมื่อ 24 ธันวาคม 2556
การแข่งขันแบ่งเป็น 2 คือช่วงประชันเพลงมัน บุรีรัมย์ ส่งน้องอ้อม และ น้องเอ้ม ร้องเพลง จะขอก็รีบขอ และ เพลงจี่หอย ประชัน กับ น้องปิ๋ว และ น้องนนท์ จากจังหวัด.กาฬสินธุ์ ช่วงที่ 2 ที่มีคะแนนมากที่สุด ช่วงประชันเสียงดี ร้องแบบเมดเล่ย์คนละเพลง จังหวัดกาฬสินธุ์ ต้องฝากความหวังไว้ที่น้องสิงโต ทางด้าน จังหวัดบุรีรัมย์ ส่งน้อง เอฟ ลงมาประชันเสียงดี ในเพลงพี่ไม่มีแฟน
ดูความสนุก ของแข่งร้องเพลงประชันเงาเสียงของทั้ง กุ้ง สุธิราช กับ หญิง ธิติกานต์ และสงครามเพลงเงินล้าน ลุ้นและเชียร์ทีมที่ชอบให้ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศกับสมุทรปราการ ติดตาม ดู กิ๊กดู๋ สงครามเพลงเงินล้าน ได้ทางทีวีช่อง 7 สีคืนนี้ แฟนๆที่พลาดชม ติดตามดู กิ๊กดู๋ ย้อนหลังทางอินเทอร์เน็ท



กิ๊กดู๋ 7 มกราคม 2557 เงาเสียง กุ้ง สุธิราช หญิง ธิติกานต์ บุรีรัมย์ กาฬสินธุ์



วันศุกร์ที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2557

ทต.กลางหมื่น สวัสดีวันปีใหม่ 2557

สวัสดีวันปีใหม่ 

ขอให้ทุกทุกคนจงสุขขี 

ขอให้สิ่งที่ผ่านมาในสิ้นปี 

จงทิ้งไปซะทีที่ผ่านมา 

อย่ากังวลเรื่องใดที่แล้วผ่าน

อย่าให้วันวานมาทำให้หม่นหมอง

เอาความคิดความกังวลเป็นเรื่องรอง

แล้วเก็บความเศร้าหมองให้ไปกับสิ้นปี